การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นส่วนสำคัญในการปรับปรุงการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์ของคุณจากการค้นหาบน Google ซึ่งช่วยให้ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณเพิ่มมากขึ้นและมีโอกาสเพิ่มยอดขายได้ แม้หลายคนจะเริ่มต้นเรียนรู้ SEO ด้วยตนเองหรือผ่านการศึกษาออนไลน์ แต่การทำสิ่งต่างๆ นั้นมีรายละเอียดมากมายและซับซ้อน การใช้เครื่องมือ SEO จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้มือใหม่สามารถทำความเข้าใจและปรับปรุงเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น
บทความนี้จะแนะนำ 10 เครื่องมือ SEO ที่เป็นที่นิยมและเหมาะสำหรับมือใหม่ โดยในแต่ละเครื่องมือจะมีความสามารถที่หลากหลาย ช่วยในการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับในผลการค้นหาของ Google ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์หรือมีประสบการณ์อยู่แล้วหากคุณใช้เครื่องมือเหล่านี้ก็จะช่วยทำให้คุณเริ่มต้นทำ SEO ได้ง่ายมากขึ้น
ทำไมถึงต้องใช้เครื่องมือ SEO
เครื่องมือ SEO เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยวิเคราะห์ ปรับปรุง และติดตามผลการทำงานของเว็บไซต์ รวมถึงช่วยในการค้นหาคำค้นหาที่มีศักยภาพ ลิงก์ย้อนกลับ ปัญหาทางเทคนิค และการวิเคราะห์คู่แข่ง ทั้งนี้การใช้เครื่องมือ SEO ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้เรามองเห็นข้อผิดพลาดและโอกาสที่อาจมองข้ามไป การทำความเข้าใจและเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับเป้าหมายของเราเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การทำ SEO ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
10 เครื่องมือ SEO ยอดนิยม

1. Ahrefs เพื่อวิเคราะห์ลิงก์ของคู่แข่ง
Ahrefs เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ลิงก์ที่ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคู่แข่งของคุณใช้กลยุทธ์ SEO อะไรบ้าง คุณสามารถตรวจสอบโครงสร้างลิงก์ การจัดอันดับของคู่แข่ง และแม้กระทั่งค้นหาโอกาสในการสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพ
ความสามารถหลักของ Ahrefs
- วิเคราะห์แบ็คลิงก์ ดูจำนวนและคุณภาพของแบ็คลิงก์ที่เว็บไซต์ของคุณมี เพราะแบ็คลิงก์เป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์
- วิเคราะห์คีย์เวิร์ด ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณและดูว่าเว็บไซต์ของคุณมีอันดับเท่าไหร่ในคีย์เวิร์ดนั้นๆ
- วิเคราะห์คู่แข่ง ดูว่าคู่แข่งของคุณกำลังทำอะไรเพื่อกลยุทธ์ของคู่แข่งมาปรับใช้กับการทำ SEO ของคุณ
- ตรวจสอบปัญหาของเว็บไซต์ ระบุปัญหาทางเทคนิคที่อาจส่งผลต่อ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ
- ติดตามอันดับ ติดตามอันดับของเว็บไซต์ของคุณสำหรับคีย์เวิร์ดที่สำคัญ
- เพิ่มเนื้อหา ค้นหาไอเดียใหม่ๆ เพื่ออัปเดตเนื้อหาให้สามารถดึงดูดผู้เข้าชมและเพิ่มการทำ Backlink ให้มากขึ้น
Ahrefs มีทั้งรูปแบบฟรีและแบบเสียเงิน โดยตัวฟรีมีความสามารถที่ใช้งานได้อย่างจำกัด แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป รูปแบบเสียเงินจะมีความสามารถที่ครอบคลุมกว่า เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการวิเคราะห์ SEO ของเว็บไซต์อย่างละเอียด
แหล่งอ้างอิง Ahrefs

2. Yoast SEO Plugin เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับ SEO
Yoast SEO เป็นส่วนเสริมยอดนิยมสำหรับ WordPress ที่ช่วยปรับปรุงการจัดอันดับ SEO ของเว็บไซต์คุณ โดยส่วนเสริมนี้จะมีความสามารถที่ช่วยแนะนำการปรับปรุงเนื้อหาบนเว็บไซต์ เช่น การใช้คำค้นหาที่เหมาะสม การจัดการโครงสร้างของเว็บไซต์ และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการแสดงผล นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์การอ่านเนื้อหา ที่ช่วยให้เนื้อหาของคุณอ่านง่ายและตอบโจทย์ผู้เยี่ยมชมมากขึ้น
ความสามารถหลักของ Yoast SEO Plugin
- วิเคราะห์เนื้อหาของคุณ แนะนำวิธีปรับแต่ง SEO และตรวจสอบความถูกต้องของเว็บไซต์
- เพิ่มอัตราการเข้าชมเว็บ ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ บน Google เพิ่มยอดขาย และสร้างแบรนด์
- สร้างแผนที่เว็บไซต์ และ Robots.txt
- ปรับแต่งโค้ด ต่างๆ meta descriptions และ title tags
- เพิ่ม markup ให้ Google เห็นโดยปรับให้รองรับการใช้งาน Schema markup
- ตรวจสอบความเร็วของเว็บไซต์
- วิเคราะห์ backlink
Yoast SEO มีทั้งแบบฟรีที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น และแบบเสียเงิน ที่มีความสามารถเพิ่มเติม เช่น การวิเคราะห์การแข่งขัน การติดตามอันดับคำหลัก และการเพิ่มการสนับสนุนในการตั้งค่าต่างๆ ภายในเว็บไซต์และการวิเคราะห์คำค้นหาหลายคำ
แหล่งอ้างอิง Yoast SEO

3. Google Search Console เพื่อติดตามผลการค้นหาและการอินเด็กซ์
Google Search Console เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบและดูแลให้เว็บไซต์ปรากฏในผลการค้นหาของ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยให้คุณเข้าใจว่า Google มองเห็นเว็บไซต์ของคุณอย่างไร ระบุปัญหาที่อาจส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ และติดตามประสิทธิภาพการค้นหาเว็บไซต์ของคุณ ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับการค้นหาสูงขึ้น และดึงดูดผู้เข้าชมที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
ความสามารถหลักๆ ของ Google Search Console
- รายงานการค้นหา แสดงข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่เว็บไซต์ของคุณแสดงในผลการค้นหาของ Google
- การตรวจสอบ URL ช่วยให้คุณทดสอบ URL ของเว็บไซต์และดูว่า Google มองเห็นและจัดทำดัชนี URL นั้นอย่างไร
- เครื่องมือสำหรับเว็บมาสเตอร์ ชุดเครื่องมือที่ช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ เช่น การส่ง Sitemap และขอการจัดทำดัชนี
- รายงานปัญหา แสดงข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่อาจส่งผลต่อการจัดทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณ
- ตรวจสอบความเร็ว แสดงข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพความเร็วของเว็บไซต์ของคุณ
- AMP แสดงข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ AMP บนเว็บไซต์ของคุณ
Google Search Console แม้ว่าไม่มีความสามารถเสียเงินเพิ่ม แต่การใช้งานฟรีของมันก็มากพอที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นสำหรับการปรับปรุงเว็บไซต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่ต้องการติดตามผลและแก้ไขปัญหา SEO เบื้องต้น
แหล่งอ้างอิง Google Search Console

4. Google Analytics เครื่องมือวิเคราะห์การเข้าใช้งาน
เครื่องมือที่ควรใช้งานคู่กับ Google Search Console คือ Google Analytics เพราะเครื่องมือนี้ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มาของผู้เข้าชม หรือว่าผู้เยี่ยมชมใช้เวลานานแค่ไหนในแต่ละหน้า นอกจากนี้ยังสามารถดูได้ว่าผู้เยี่ยมชมออกจากเว็บไซต์ที่จุดใดบ้าง ข้อมูลเหล่านี้สำคัญมากในการทำ SEO เพราะมันจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าหน้าใดในเว็บไซต์มีประสิทธิภาพ และหน้าใดที่ควรปรับปรุงเพิ่มเติม การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานสามารถช่วยให้คุณปรับเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสมเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้เยี่ยมชมมากขึ้น
ความสามารถหลักๆ ของ Google Analytics
- ติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งาน วิเคราะห์การเข้าใช้งานและการคลิกในแต่ละหน้า รวมถึงระยะเวลาที่ผู้ใช้ใช้เวลาในเว็บไซต์
- ข้อมูลการเข้าชม ดูแหล่งที่มาของผู้เข้าชมว่าเข้ามาจากช่องทางไหน (Organic, Direct, Referral, Social)
- วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย รับข้อมูลเกี่ยวกับประชากรและความสนใจของผู้เข้าชม
- สร้างรายงานที่กำหนดเอง สร้างรายงานตามความต้องการเพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญได้
- ติดตาม Conversion ตั้งค่า Conversion เพื่อวัดผลการทำงานของเว็บไซต์ เช่น การซื้อหรือการกรอกฟอร์ม
- วิเคราะห์ช่องทางการตลาด เปรียบเทียบประสิทธิภาพของช่องทางการตลาดที่ต่างกัน
Google Analytics เป็นเครื่องมือฟรีอีกตัวหนึ่งที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ใช้งานเว็บไซต์ แม้ว่าจะมีความสามารถฟรีมากมายที่ครอบคลุมการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน แต่ Google Analytics 360 ซึ่งเป็นแบบเสียเงินให้ความสามารถเพิ่มเติม เช่น การรายงานแบบละเอียด และการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม สำหรับมือใหม่และธุรกิจขนาดเล็ก ความสามารถฟรีก็นับว่าเพียงพอแล้วในการทำความเข้าใจข้อมูลผู้ใช้และปรับปรุงเว็บไซต์
แหล่งอ้างอิง Google Analytics

5. SEMrush เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพSEO
SEMrush เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นที่นิยมในการทำ SEO สำหรับมือใหม่ เครื่องมือนี้สามารถช่วยให้คุณค้นหาคำค้นหาที่เหมาะสมกับเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงสามารถวิเคราะห์คู่แข่งได้อย่างละเอียด SEMrush ยังมีความสามารถที่ช่วยวิเคราะห์การแสดงผลของโฆษณาบน Google รวมถึงช่วยให้คุณปรับปรุงเนื้อหาและกลยุทธ์การสร้าง Backlink เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO นอกจากนี้ยังมีการรายงานผลและการวิเคราะห์อย่างละเอียดที่ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของสถานะเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น
ความสามารถหลักๆ ของ SEMrush
- วิเคราะห์คำค้นหา ค้นหาและวิเคราะห์คำค้นหาที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO
- ติดตามอันดับเว็บไซต์ ตรวจสอบการจัดอันดับของคำค้นหาที่คุณต้องการและเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
- Site Audit ตรวจสอบปัญหาด้านโครงสร้างของเว็บไซต์และแนะนำการแก้ไข
- Backlink Analysis วิเคราะห์ลิงก์ย้อนกลับและคุณภาพของ Backlink ที่ชี้ไปยังเว็บไซต์
- การวิเคราะห์โฆษณา ติดตามและวิเคราะห์โฆษณาที่แสดงบน Google และคู่แข่ง
- Content Analyzer วิเคราะห์เนื้อหาของคุณเพื่อหาจุดที่สามารถปรับปรุงได้
SEMrush มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยแบบฟรีจำกัดการเข้าถึงข้อมูลบางส่วน เช่น การค้นหาคำค้นหาและการตรวจสอบลิงก์ แต่ความสามารถที่ให้มาก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม การเพิ่มไปใช้แผนเสียเงินจะได้รับการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการวิเคราะห์คู่แข่ง การตรวจสอบสถานะเว็บไซต์ และการรายงานอย่างละเอียด ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO อย่างจริงจัง
แหล่งอ้างอิง SEMrush

6. Moz เครื่องมือปรับปรุง SEO ที่ใช้งานง่าย
Moz เป็นเครื่องมือที่ช่วยในเรื่องการตรวจสอบและปรับปรุง SEO ที่ใช้งานง่าย โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ Moz ช่วยให้คุณติดตามประสิทธิภาพของคำค้นหาและอันดับของเว็บไซต์ได้ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบคุณภาพของลิงก์และช่วยในการค้นหาคำค้นหาที่เหมาะสม Moz ยังมีเครื่องมือช่วยในการตรวจสอบปัญหาด้านเทคนิคของเว็บไซต์ เช่น ปัญหาการโหลดหน้าเว็บช้า หรือการที่บอทไม่สามารถเข้าไปเก็บข้อมูลในบางหน้าของเว็บไซต์ได้ ทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด นอกจากนี้ Moz ยังมีคำแนะนำและบทความที่เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำ SEO
ความสามารถหลักๆ ของ Moz
- ตรวจสอบอันดับเว็บไซต์ ติดตามอันดับของคำค้นหาที่เว็บไซต์ของคุณแสดงในผลการค้นหา
- Link Explorer วิเคราะห์คุณภาพของ Backlink และตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับของคู่แข่ง
- Keyword Research ค้นหาคำค้นหาที่เหมาะสมและวิเคราะห์ความยากในการจัดอันดับ
- On-Page Optimization แนะนำการปรับปรุง On-Page SEO เช่น การใช้คำค้นใน Meta Tags และเนื้อหา
- Domain Authority & Page Authority ให้คะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เพื่อช่วยในการวิเคราะห์การแข่งขัน
- SEO Checker ตรวจสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์และแนะนำการปรับปรุง
Moz ในรูปแบบฟรีสามารถใช้ในการติดตามอันดับและตรวจสอบลิงก์เบื้องต้นได้ แต่จะมีข้อจำกัดในเรื่องของข้อมูลและการเข้าถึงความสามารถเต็มรูปแบบ การจ่ายเงินเพิ่มเป็นแบบเสียเงินจะให้การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก เช่น การวิเคราะห์ลิงค์ย้อนกลับที่มากขึ้น และการแนะนำการปรับปรุง SEO ทางเทคนิค สำหรับมือใหม่ แบบฟรีก็สามารถใช้ในการเรียนรู้และปรับปรุงเว็บไซต์เบื้องต้นได้อย่างดี
แหล่งอ้างอิง Moz

7. Ubersuggest ช่วยวิเคราะห์ SEO และลิงค์ย้อนกลับ
Ubersuggest เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการค้นหาคำค้นหาและวิเคราะห์คำค้นหาของคู่แข่ง อีกทั้งยังช่วยตรวจสอบการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้ เครื่องมือนี้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เริ่มต้นเนื่องจากใช้งานง่ายและมีความสามารถที่จำเป็นในการทำ SEO Ubersuggest ยังสามารถวิเคราะห์การทำงานของเว็บไซต์และตรวจสอบลิงค์ย้อนกลับได้ รวมถึงสามารถแนะนำคำค้นหาที่มีโอกาสสูงในการดึงดูดผู้เยี่ยมชมมาที่เว็บไซต์ของคุณ ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นแนวทางในการปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสามารถหลักๆ ของ Ubersuggest
- วิเคราะห์คำค้นหา ให้ข้อมูลปริมาณการค้นหา ค่า CPC และความยากในการจัดอันดับ
- ติดตามอันดับ ตรวจสอบอันดับเว็บไซต์ของคุณในคำค้นหาที่คุณกำหนด
- Backlink Data วิเคราะห์ลิงค์ย้อนกลับของเว็บไซต์และคู่แข่ง
- Content Ideas แนะนำหัวข้อเนื้อหาที่มีแนวโน้มที่จะดึงดูดผู้เข้าชม
- Site Audit ตรวจสอบปัญหาที่อาจกระทบกับประสิทธิภาพ SEO ของเว็บไซต์
- Keyword Suggestions แนะนำคำค้นหาที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการสร้างเนื้อหา
Ubersuggest มีเวอร์ชันฟรีที่เพียงพอสำหรับมือใหม่ในการวิเคราะห์คำค้นหา ตรวจสอบลิงค์ย้อนกลับและติดตามอันดับเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม ความสามารถฟรีจะมีการจำกัดจำนวนการค้นหาและการใช้งานต่อวัน การอัปเกรดไปใช้แผนเสียเงินจะช่วยให้สามารถเข้าถึงความสามารถเพิ่มเติม เช่น การวิเคราะห์คำค้นหาได้มากขึ้น และการติดตามคู่แข่งอย่างละเอียด สำหรับมือใหม่ที่มีงบจำกัด แบบฟรีก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีและเพียงพอสำหรับการเริ่มต้น
แหล่งอ้างอิง Ubersuggest

8. Screaming Frog SEO Spider เครื่องมือวิเคราะห์โครงสร้างทางเทคนิค
Screaming Frog SEO Spider เป็นเครื่องมือที่เน้นไปที่การวิเคราะห์โครงสร้างและเทคนิคของเว็บไซต์โดยเฉพาะ มันจะทำการสแกนเว็บไซต์ของคุณและรายงานข้อมูลเชิงเทคนิค เช่น ลิงก์เสีย การมีเนื้อหาซ้ำซ้อน หรือปัญหาด้านการจัดทำดัชนี Screaming Frog SEO Spider เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสอบปัญหาด้านโครงสร้างของเว็บไซต์และแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา
ความสามารถหลักๆ ของ Screaming Frog SEO Spider
- SEO Auditing สแกนเว็บไซต์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาด้าน SEO เช่น ลิงก์เสียและหน้าเว็บที่ซ้ำซ้อน
- Analyzing Metadata ตรวจสอบ Metadata เช่น Title Tags และ Meta Descriptions
- Image Optimization วิเคราะห์ภาพและตรวจสอบว่ามีการใช้ Alt Text หรือไม่
- Internal Linking วิเคราะห์โครงสร้างการเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์
- Exporting Data ส่งออกข้อมูลการวิเคราะห์ในรูปแบบ CSV หรือ Excel
- JavaScript Rendering สแกนเว็บไซต์ที่ใช้ JavaScript และวิเคราะห์การจัดทำดัชนี
Screaming Frog SEO Spider มีแบบฟรีที่สามารถใช้ในการสแกนเว็บไซต์ได้ถึง 500 หน้า ซึ่งเพียงพอต่อการวิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์เล็ก ๆ หากคุณต้องการตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีขนาดใหญ่หรือเข้าถึงความสามารถขั้นสูง เช่น การตรวจสอบการแสดงผลของ JavaScript และการสแกนลิงก์ภายนอก คุณอาจต้องอัปเกรดเป็นแผนเสียเงิน สำหรับมือใหม่ที่เว็บไซต์ยังไม่ใหญ่มาก แบบฟรีก็ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ดีในการเริ่มต้น
แหล่งอ้างอิง Screaming Frog SEO Spider

9. Keywords Everywhere ตัวช่วย seo บนเว็บเบราว์เซอร์
Keywords Everywhere เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเห็นข้อมูลเกี่ยวกับคำค้นหาได้ทันทีบนหน้าเว็บเบราว์เซอร์ เมื่อคุณค้นหาคำใด ๆ ใน Google เครื่องมือนี้จะช่วยแสดงข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับคำนั้น เช่น ปริมาณการค้นหาต่อเดือน ค่า Cost Per Click และระดับความยากของการจัดอันดับ ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณเลือกคำค้นหาที่เหมาะสมสำหรับเว็บไซต์ของคุณ อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ในการวางแผนเนื้อหาที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO
ความสามารถหลักๆ ของ Keywords Everywhere
- Keyword Metrics แสดงข้อมูลปริมาณการค้นหา, ค่า CPC, และความยากในการจัดอันดับ
- Data Visualization แสดงกราฟและข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
- Search Volume Data แสดงปริมาณการค้นหาของคำค้นในหลายแพลตฟอร์ม
- Keyword Suggestions แนะนำคำค้นหาที่เกี่ยวข้องตามคำค้นหลักที่ค้นหา
- API Integration สามารถเชื่อมต่อกับ API ของเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้น
- Browser Extension ทำงานเป็นส่วนขยายของเบราว์เซอร์เพื่อให้ข้อมูลได้ทันทีขณะค้นหา
Keywords Everywhere เป็นปลั๊กอินที่มีความสามารถฟรีที่จำกัดโดยจะแสดงข้อมูลปริมาณการค้นหาต่อเดือน ค่า CPC และความยากในการจัดอันดับของคำค้นหา อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือใช้ในการวิเคราะห์คำค้นหาในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม อาจต้องเสียเงินเพื่อซื้อเครดิตเพิ่มเติม ความสามารถฟรีของเครื่องมือนี้เพียงพอต่อการวางแผนคำค้นหาสำหรับผู้เริ่มต้น และการจ่ายเงินก็จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการข้อมูลคำค้นหาอย่างละเอียดมากขึ้น
แหล่งอ้างอิง Keywords Everywhere

10. Answer The Public ค้นหาสิ่งที่ผู้คนสนใจ
Answer The Public เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้คนค้นหาอะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องที่คุณสนใจ เครื่องมือนี้จะแสดงคำถามและวลีที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาของคุณ ทำให้คุณสามารถเข้าใจถึงความต้องการและพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งานได้มากขึ้น คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์และตรงกับคำค้นหาที่ได้รับความนิยม อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ในการสร้างบทความหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำถามของผู้เยี่ยมชม ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสขึ้นไปอยู่อันดับสูงในผลการค้นหาได้ง่ายขึ้น
ความสามารถหลักๆ ของ Answer The Public
- คำถามที่เกี่ยวข้อง แสดงคำถามและวลีที่ผู้ใช้สนใจเกี่ยวกับคำค้นหาของคุณ
- Data Visualization แสดงข้อมูลในรูปแบบกราฟที่เข้าใจง่าย เช่น แผนภาพวงกลมและแผนที่ความคิด
- Keyword Ideas ให้แนวคิดเกี่ยวกับคำค้นหาที่ผู้คนใช้บ่อย
- Content Planning ช่วยในการวางแผนการสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์คำถามยอดนิยม
- Monthly Search Data แสดงข้อมูลการค้นหาเป็นรายเดือนเพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้ม
- Exporting Data สามารถส่งออกข้อมูลคำถามและวลีเพื่อใช้ในการวางแผนเนื้อหาได้
Answer The Public มีทั้งแบบฟรีที่แสดงข้อมูลคำถามและวลีที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาของคุณ โดยแบบฟรีช่วยในการวิเคราะห์คำค้นหาได้จำนวนจำกัดต่อวัน การจ่ายเพิ่มเพื่อไปใช้แผนเสียเงินจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติมและคำถามที่หลากหลายมากขึ้น แม้ความสามารถฟรีจะมีข้อจำกัด แต่ก็เพียงพอต่อการวางแผนการสร้างเนื้อหาสำหรับมือใหม่
แหล่งอ้างอิง Answer The Public

เครื่องมือ SEO ทั้ง 10 ที่ได้แนะนำไปนี้ล้วนเป็นผู้ช่วยที่ดีในการทำ SEO สำหรับมือใหม่ แต่ละเครื่องมือมีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยบางเครื่องมือเน้นไปที่การวิเคราะห์ลิงก์ย้อนกลับ บางเครื่องมือช่วยในการค้นหาคำค้นหา หรือบางเครื่องมือสามารถตรวจสอบปัญหาด้านเทคนิคของเว็บไซต์ การเลือกใช้เครื่องมือเหล่านี้ควรพิจารณาตามความต้องการของคุณ และไม่จำเป็นต้องใช้ทุกเครื่องมือพร้อมกัน เพียงเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณก็เพียงพอในการทำให้เว็บไซต์ของคุณเติบโต เพิ่มโอกาสติดอันดับผลการค้นหาบน Google และดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น